จาก Los Angeles สู่ Grants Pass
ทริปนี้เราล่องขึ้นไปยังแคลิฟอร์เนียภาคเหนือ ด้วยความที่ตัดสินใจเดินทางแบบกะทันหันด้วยสาเหตุบางประการ กว่าล้อจะหมุนก็ปาไปช่วงบ่ายแก่ๆแล้ว เราใช้ฟรีเวย์สาย 101 N. จากนอร์ธ ออลลีวูด แม้จะใช้เวลามากกว่าไปทางสาย 5 N. ก็ไม่เป็นไรเพราะไม่ได้เร่งรีบ ทีแรกกะว่าจะไปต่อสาย 1 PCH เพื่อดูวิวหลังจากได้ยินคำบอกเล่าว่าสวยนักสวยหนา แต่เข้าสาย 1ไม่ทัน เลยพลาดไป แต่ตอนขากลับเพิ่งมารู้ว่าโชคดีแล้วที่ไม่ได้ใช้เส้นทางนั้นในช่วงกลางค่ำกลางคืน
ได้ยินคำบอกเล่าอย่างหนาหูว่าออเรกอนมีภูมิประเทศที่สวยงาม ชุ่มชื่นไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ เราใช้สาย 5 N. Interstate ระหว่างทางช่วงรอยต่อรัฐแคลิฟอร์เนียเข้าสู่ออเรกอน วิวสองข้างทางเริ่มเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ไม่มีความแห้งแล้งให้เห็นแต่เต็มไปด้วยต้นไม้สีเขียวหนาทึบปกคลุมทิวเขาดูสบายตา แต่ที่น่าตื่นเต้นก็คือ ตลอดเส้นทางมีสถานที่สำหรับ Camping และเป็นที่จอดรถ RV หลายจุดด้วยกัน ตอกย้ำให้เห็นว่าธรรมชาติบริเวณนี้เป็นแม่เหล็กดึงดูดคนเป็นจำนวนมากทีเดียว
Grants Pass อยู่ครึ่งทางระหว่าง San Franciscoกับ Seattle เป็นเมืองขนาดไม่ใหญ่นัก จากการสำรวจสำมะโนประชากรเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2007 มีพลเมืองประมาณ 34,000 คน เพิ่มขึ้น 11.8% จากปี 2005 อย่างไรก็ตามเมืองแห่งนี้เปิดกว้างสำหรับผู้ประกอบการที่มาจากหลากหลายเชื้อชาติ ที่นี่มีร้านอาหารไทยประมาณ 4 แห่ง จากข้อมูลที่ได้จากเจ้าของร้านอาหารไทยชื่อ Royal Barge พบว่า Grants Pass เป็นเมืองที่มีความปลอดภัยสูง และกิจกรรมยอดฮิตสำหรับทั้งคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวในช่วงนี้คือการล่องแก่ง เสียดายที่ไม่มีเวลามากนักเลยไม่ได้ไปลองดู แต่เราได้ขึ้นไปที่ Crater Lake ทะเลสาบขนาดใหญ่ที่เกิดหลังจากภูเขาไฟระเบิดเมื่อสามแสนปีก่อน
แสงจากอาทิตย์ยามเย็น |
เมื่อเอ่ยถึงรัฐออเรกอน ชาวแคลิฟอร์เนียอย่างเราก็หลับตานึกถึงเขตปลอดภาษี เวลาซื้อของไม่ต้องจ่าย Sale Tax เราไปหยุดที่ Wal Mart เพื่อจับจ่ายซื้อของที่จำเป็น ถามแคชเชียร์ว่าที่นี่ปิดกี่โมง เธอทำหน้างงๆแล้วตอบว่า “เราไม่เคยปิด ที่นี่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง 7 วัน” เราทำหน้าตาแสดงความประหลาดใจ จากนั้นได้ไปแวะที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่งอยู่ริมแม่น้ำ ไม่นึกไม่ฝันว่าวันรุ่งขึ้นจะเจออีกหนึ่ง Surprise
เราแวะมาปิคนิคที่สวนสาธารณะใน Grants Pass |
No comments: