Cine Gear Expo 2008

2:43 AM
แม้ว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯจะเริ่มทรุดตัวตั้งแต่ปี 2008  แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่องาน Cine Gear Expo ที่จัดขึ้นเป็นปีที่ 12 และมีแนวโน้มที่จะขยับขยายขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความที่ธุรกิจภาพยนตร์ของฮอลลีวูดยังสามารถทำเงินได้ทั่วโลก เป็นผลให้คนในวงการทั้งในประเทศและต่างประเทศเดินทางมาที่งานนี้อย่างอุ่นหนาฝาคั่ง มีเจ้าของธุรกิจที่เกี่ยวกับภาพยนตร์ วีดิโอ วิทยุ โทรทัศน์และสื่อดิจิตอลกว่า 200 แห่งทั่วโลกมาเปิดบู้ธเพื่อนำเสนอสินค้าที่มีอยู่ในท้องตลาดอยู่แล้วและที่เพิ่งออกมาหมาดๆ ยั่วตายั่วใจผู้ที่ได้พบเห็นยิ่งนัก

             งานนี้มีขึ้นระหว่างวันที่ 20 – 21 มิถุนายน 2008 โดยใช้พื้นที่บริเวณโรงถ่ายของ Universal Studioเป็นสถานที่จัดงาน ได้อารมณ์จริงๆ เป็นศูนย์รวมของมือโปรแห่งเมืองฮอลลีวูดมาพบปะกัน จึงไม่น่าแปลกใจที่ได้เดินกระทบไหล่คนในวงการไม่ว่าจะเป็น Cinematographer, gaffer, grips  ท่ามกลางอากาศที่ร้อนระอุ แต่ผู้คนก็เพลิดเพลินในการเดินชมอุปกรณ์นานาชนิด โดยบางบริษัทอย่างเช่น วอร์เนอร์บราเธอร์ได้ใช้กลวิธีแจกเครื่องดื่มเย็นๆ เป็นต้นว่ามอคค่าปั่นและน้ำผลไม้ปั่นใส่ในแก้วเซรามิคที่มีโลกโก้ของบริษัทให้ผู้ที่มาร่วมงานได้ต่อแถวรอรับ นอกจากนี้ยังมีเบียร์ของเม็กซิโกสองสามยี่ห้อซึ่งเป็นสปอนเซอร์จัดงานก็ได้มาเปิดบู้ธแจกเบียร์ให้ได้คลายร้อนกันด้วย

สำหรับบริษัท ห้างร้านต่างๆก็มาประชันอุปกรณ์กันแบบชนิดที่ว่าไม่มีใครยอมใคร เดินไปเดินมาแอบเห็นลูกค้าของดิเอเชี่ยนแปซิฟิกไปเปิดบู้ธกับเขาด้วย ไม่ใช่ใครอื่น Samy’s Camera ขาใหญ่ที่ขายอุปกรณ์กล้องภาพนิ่งและวีดีโอในแคลิฟอร์เนียภาคใต้ มีหลายสาขาทั้งที่ Fairfax, Pasadena, Venice, Orange County แถมยังใจถึงทำกระเป๋าผ้าสี่เหลี่ยมใบใหญ่มาแจกผู้ที่มางานด้วย พูดถึงร้านนี้แล้วก็อดทึ่งไม่ได้ ยิ่งได้เคยพบเจอเจ้าของร้านตัวเป็นๆด้วยแล้วยิ่งเกิดความรู้สึกชื่นชม เนื่องจากชายที่ก้าวเข้าสู่ผู้สูงวัยคนนี้มีอัธยาศัยดีและทำตัวเรียบง่าย ไม่แอ๊คอาร์ตทำตัวใหญ่คับเมือง


เดินไปเรื่อยๆพร้อมกับสังเกตอุปกรณ์เกี่ยวกับกล้องวีดีโอ กล้องถ่ายภาพยนตร์ อุปกรณ์ไฟถ่ายหนังและอุปกรณ์ต่างๆที่นำมาแสดงในงาน เห็นข้าวของมากมายล้วนมีราคาไม่ธรรมดา ทุกสิ่งสิ่งทุกอย่างถือเป็นจิ๊กซอว์ที่จะประกอบกันเข้าเป็นผลงานที่มีคุณภาพด้วยทีมงานที่มีฝีมือ การมีอุปกรณ์ดีราคาแพงแต่ไร้ฝีมือก็ไม่มีความหมาย สู้ใช้ของที่มีฟังค์ชั่นลดลงมาแต่รู้ว่าจะทำให้ออกมาดีได้อย่างไรด้วยกึ๋นของคนทำงาน นี่แหละเรียกว่าโชว์ศักยภาพที่เหนือกว่าเห็นๆ ยกตัวอย่างของคนทำหนัง หนังฟอร์มเล็กบางเรื่อง ไม่ต้องใช้เม็ดเงินลงทุนมหาศาล แต่ออกมาแล้วได้ใจคนดู เขาเรียกว่าทำอะไรบนพื้นฐานของความเข้าใจย่อมมีชัยไปกว่าครึ่ง มีคนเคยวิจารณ์ถึงหนังไทยบางเรื่องที่พยายามสร้างภาพให้คนไทยออกมาเป็นแบบฝรั่งเป๊ะๆ ดูแล้วก็ตลกจริงๆ สู้ดูหนังไทยที่มีกลิ่นอายแบบบ้านๆไม่ได้ เห็นด้วยอย่างยิ่งการคำวิจารณ์ดังกล่าว

ปัจจุบันมีผู้กำกับรุ่นใหม่ไฟแรงที่เรียนจบสาขาภาพยนตร์จากเมืองนอกเมืองนาจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ การเรียนรู้ภาคทฤษฎีจากแนวคิดของฝรั่งล้วนๆ มันจะมาวัดกันก็ตรงภาคปฏิบัติที่จะออกสู่สายตาประชาชนนี่เอง เดี๋ยวนี้วงการหนังไทยเติบโตและดีขึ้นมาก คนไทยทุกวงการล้วนมีกำลังซื้อของดี ราคาแพง หากบวกกับกึ๋นที่รู้ว่าเราเป็นใครและกำลังทำอะไร ตอบได้ทุกโจทย์ ไม่ต้องลอกเลียนแบบฝรั่งมาขายคนไทย นี่แหละถึงจะชนะเลิศ ในความคิดของเรานะ

No comments:

Powered by Blogger.