บันทึกหน้าประวัติศาสตร์ :ไทยลงนามข้อตกลงด้านอสังหาริมทรัพย์กับองค์กรอเมริกัน
ไทยลงนามข้อตกลงร่วมกับองค์กร NAR แลกเปลี่ยนข่าวสารด้านอสังหาริมทรัพย์ หวังดันกฏหมายนายหน้าของไทยให้เข้าระบบเหมือนในสหรัฐฯ ด้าน กก.ผจก.ธนาคารอาคารสงเคราะห์เผยสภาพทั่วไปของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไทยจะดีขึ้น
นายขรรค์ ประจวบเหมาะลงนามข้อตกลงด้านอสังหาริมทรัพย์ |
วันที่ 14 พฤศจิกายน 2007 ระหว่างเวลา 10.00 น. - 12.00 น. ที่ห้องมูราโน โรงแรมเวเนเชียน ลาสเวกัส ได้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความเข้าใจในการแลกเปลี่ยนข่าวสารด้านอสังหาริมทรัพย์ระหว่างสองหน่วยงานไทยอันประกอบด้วย ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ สมาคมการขายและการตลาดอสังหาริมทรัพย์กับสมาคมผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์แห่งสหรัฐฯหรือ NAR โดยมีแพต โคมป์ ประธานขององค์กร NAR ร่วมลงนามด้วย
ทั้งนี้สองหน่วยงานของไทยได้ลงนามในข้อตกลงความเข้าใจร่วมกับ NARเป็นครั้งแรก โดยผู้ที่ทำพิธีลงนามในครั้งนี้ ได้แก่ นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ นายสัมมนา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ดร.ไพโรจน์ สุขจั่น นายกก่อตั้งสมาคมการขายและการตลาดอสังหาริมทรัพย์ และนายอภิชาต ปภาณภูวงศ์ นายกสมาคมการขายและการตลาดอสังหาริมทรัพย์
นายอภิชาต ปภาณภูวงศ์ นายกสมาคมการขายและการตลาดอสังหาริมทรัพย์มอบของที่ระลึกให้แพต |
นายขรรค์ ประจวบเหมาะ เปิดเผยว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงความเข้าใจระหว่างศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นองค์กรหนึ่งในความดูแลของธนาคารอาคารสงเคราะห์ โดยตั้งศูนย์นี้ขึ้นมาหลังเกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจในไทยเมื่อสิบปีก่อน เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ขณะเดียวกันทางรัฐบาลต้องการให้ศูนย์ข้อมูลดังกล่าวช่วยพัฒนาการซื้อ-ขายบ้านมือสอง ที่จำเป็นต้องใช้โบรคเกอร์และเอเยนต์เหมือนกับที่สหรัฐอเมริกา
“ที่มาเซ็นกันวันนี้เพื่อมาแลกข้อมูลกันให้มีโบรคเกอร์และเอเยนต์เกิดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งอาจต้องออกกฎหมายหรือหลักเกณฑ์ต่างๆให้โบรคเกอร์และเอเยนต์มีความรับผิดชอบในการทำงานของเขา” นายขรรค์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าใดที่จะผลักดันในเรื่องดังให้เกิดการปฏิบัติได้จริง นายขรรค์กล่าวว่า ในประเทศไทยก่อนจะมีกฎหมายอะไรออกมาค่อนข้างใช้เวลานาน อย่างไรก็ตาม มีความจำเป็นต้องเตรียมพร้อมในเรื่องดังกล่าวเพื่อเป็นกฎหมายให้ได้
ต่อข้อถามที่ว่า สืบเนื่องจากประเทศไทยยังไม่คุ้นกับการที่ต้องมีโบรคเกอร์และเอเยนต์เหมือนกับที่สหรัฐฯ จึงน่าที่จะมีความยากต่อการปฏิบัติจริง นายขรรค์กล่าวแสดงความเห็นว่า แม้ระบบโบรคเกอร์และเอเยนต์ในไทยจะมีน้อย เพราะคนไทยไม่นิยมซื้อบ้านมือสอง แต่ชอบซื้อบ้านปลูกใหม่จากพวกพัฒนาที่ดินโดยตรง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ก็พยายามพัฒนาตลาดบ้านมือสอง เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยในไทยลดลงไปมาก
“ณ วันนี้อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ประมาณ 5.5% ฉะนั้นคนมีรายได้น้อยหรือปานกลางสามารถซื้อบ้านได้ และพยายามแนะนำให้ใช้ระบบการซื้อบ้านมือสองก่อนแล้วค่อยๆไต่เต้าบันไดอสังหาฯเพื่อซื้อบ้านที่ดีและใหญ่ขึ้น” นายขรรค์กล่าว
ส่วนสภาพทั่วไปของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยนั้น นายขรรค์เปิดเผยว่ายังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยคาดว่าปีหน้าจะดีขึ้น หลังมีการเลือกตั้งในวันที่ 23 ธันวาคมนี้ เพราะก่อนหน้านี้ได้เกิดรัฐประหาร ส่งผลให้เงินหมุนในระบบเศรษฐกิจน้อย ผู้คนยังเกิดความไม่แน่ใจ โดยคาดว่าต้นเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าจะได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งซึ่งคงจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ดีขึ้น
ทางด้านนางนิตยา พิเชษฐ์วณิชย์โชค ผู้แทนสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศไทยและสหรัฐฯของ NAR กล่าวว่า ตนมีหน้าที่ประสานงาน หาข่าวสาร ข้อมูลให้ประเทศไทยเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในออกพระราชบัญญัติให้นายหน้าในไทยมีโอกาสทำธุรกิจที่เท่าเทียมกับนายหน้าในสหรัฐฯ อาทิ การสอบวัดความรู้และใบประกาศนียบัตร และจรรยาบรรณในการประกอบอาชีพ
“ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้การศึกษามากขึ้นเพื่อนำความรู้ต่างๆจากทางอเมริกาไปปรับใช้กับประเทศไทย โดยคัดเลือกว่าสิ่งใดเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม เพราะแต่ละประเทศมีความแตกต่างกัน ถ้าประเทศไทยสามารถออกกฎหมายคุ้มครองผู้ประกอบอาชีพนี้ได้ก็จะสามารถคุ้มครองผู้บริโภคได้ด้วย” นางนิตยากล่าวในที่สุด
นอกจากนี้ยังมีคนไทยจากชิคาโก ได้แก่ แนนซี่ สุวรรณมณี กรรมการฝ่ายปฏิบัติการระหว่างประเทศ (International Operations Committee) องค์กร NAR ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามดังกล่าวด้วย
No comments: