ครั้งหนึ่งของ "โน้ส อุดม" อิน แอลเอ
เพชฌฆาตความเครียดหรือวิธีจัดการกับความเครียดของแต่ละบุคคลย่อมแตกต่างกันไปแล้วแต่จะเลือก ใครที่ไปไกลแล้วย่อมใช้ศีล สมาธิ มุ่งสู่ปัญญาให้สติสงบได้ แต่สำหรับคนโดยทั่วๆไปก็หาอะไรพื้นๆมาแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน ที่ต้องเขียนแบบนี้เพราะเคยฟังพระสงฆ์รูปหนึ่งเทศน์ไว้ว่า เวลามีความทุกข์คนมักจะฟังเพลง ดูหนังดูละคร แต่เมื่อเพลงจบละครจบก็กลับมาทุกข์อีก แต่หนทางดับทุกข์คือการยึดธรรมะมาเป็นเครื่องกำกับเพื่อหาหนทางการดับทุกข์อย่างแท้จริง นี่คือสัจธรรมที่ต้องรับฟังไว้ แต่บัวที่ยังไม่โผล่พ้นผิวน้ำอีกหลายดอกอย่างเราๆ ยังไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ เลยต้องเวียนวน เดี๋ยวสุขเดี๋ยวทุกข์อย่างนี้ต่อไป
โน้ส สินเจริญและปั่นหลังการแถลงข่าว |
พูดถึงนักพูดประเภทStand up comedy ในเมืองไทย ชื่อของโน้ส อุดม คงจะเด้งขึ้นมาทันที และเขาคนนี้ได้ไปเปิดการแสดงเดี่ยวไมโครโฟน “โน้ส อุดม อิน แอลเอ” เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 14 สิงหาคม 2552 และเป็นครั้งแรกที่มีศิลปินจากเมืองไทยมาเปิดการแสดงที่Hollywood Palladium ก็ฮาๆกันแบบหอมปากหอมคอตลอด 3 ชั่วโมงเท่านั้นเอง เรียกว่าโชว์ของนักพูดจมูกโตหนนี้เป็นการซักซ้อมก่อนเปิดเดี่ยว 8 ที่เมืองไทย ดังนั้นเราๆท่านๆจึงได้รับชมและรับฟังมุกใหม่ๆของเขาก่อนพี่น้องในเมืองไทยเสียอีก และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ผู้จัดที่นี่สามารถดึงเอาโน้สมาเปิดการแสดงใน 3 เมืองใหญ่ของสหรัฐอเมริกา เริ่มจากซานฟรานซิสโก มาแอลเอและต่อด้วยนิวยอร์ค ต้องปรบมือดังๆให้ทางผู้จัดคือบริษัทริชจิงๆ กับมันส์จัง โดยเฉพาะบริษัทหลังที่เจ้าของบอกว่า “จัดเอามันครับไม่ได้คิดถึงกำรี้กำไรอะไรมาก”
ก่อนหน้าการเปิดตัวของโน้ส สินเจริญบราเธอร์สขึ้นมาร้องรำทำเพลงพร้อมปล่อยมุกชิมลาง เหมือนเป็นออร์เดิร์ฟก่อนอาหารจานหลักจะถูกเสิร์ฟ พร้อมด้วยพี่ปั่นซึ่งออกมาขับขานบทเพลงรักหวานๆให้ต่อมสมองได้หลั่งสารออกมาผ่อนคลายความเหนื่อยล้าทั้งหลายทั้งปวงจากการทำงานตลอดทั้งสัปดาห์ และแล้ว แอ่น แอ้น แอ๊น... โน้ส อุดมก็ได้ออกมาปรากฏตัวในชุดสีขาว เรียกเสียงกรี๊ดยาวๆจากผู้ชม ประหนึ่งว่าเพชฌฆาตความเครียดได้มาช่วยพวกเขาแล้ว ค่ะ...โน้สไม่เคยทำให้คนดูผิดหวัง เขาได้ร่ายมุกแบบ Non-Stop จับแพะมาชนกับแกะได้อย่างลงตัว หากปล่อยความรู้สึกให้ไหลไปกับเขา เสมือนว่าคุณได้ยามาบำบัดความเครียดแบบวิเศษเลยทีเดียว
ขอไม่เล่ารายละเอียดนะคะว่ามีอะไรบ้าง แต่ขอสรุปมุกขำๆที่ส่วนตัวรู้สึกประทับใจให้ไปตามกันต่อ แบบว่าเหลือหนทางทำมาหากินไว้ให้เขาบ้าง พูดถึงเรื่องนี้ขอตำหนิคนที่แอบเอาโทรศัพท์บันทึกการแสดงของเขา คนเรานี่ก็แปลกยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ก่อนจบการแสดงเพียงแป๊บเดียว โน้สเอ่ยปากบนเวทีและชี้มือไปคนที่นั่งแถวหน้าๆว่า เอ๊ย เขาห้ามถ่ายนะ เท่านั้นแหละเป็นเรื่องและงานเข้าบุคคลผู้นั้นเป็นที่เรียบร้อย ส่วนเราแม้จะไปในนามสื่อมวลชนก็ไม่สามารถถ่ายภาพมาฝากได้นะคะ เพราะเขาไม่อนุญาตให้ถ่าย ก็เลย...ตามนั้น
ชอบที่โน้สพยายามหาข้อมูลของที่นี่เพื่อมาใช้ในการแสดงของเขาเพื่อให้คนในอย่างเรารู้สึก “อิน” มากขึ้น เช่น มุกตอนที่เขาไปนวดแผนไทยที่ร้านแห่งหนึ่งแถวถนนเวอร์มอนท์ มุก “ใบเขียว” ที่เขาเล่นกับ “แห้ว รีเจนซี่” และร้านสยามซันเซ็ตก็ยังถูกแซวเรื่องปาท่องโก๋ หันไปดูเฮียฮั้วยังฮากระจาย หรือแม้กระทั่งห้องน้ำที่นี่ชนิดที่เรียกว่าเราไม่เคยสังเกต หรือว่ามุกที่บอกว่าสิ่งต่างๆเช่น ข้าวผัดอเมริกัน ขนมโตเกียว ขนมโมจิ หาได้เฉพาะที่เมืองไทย แล้วให้ผู้ชมพูดพร้อมกันว่า “Thailand only” ก่อนการแสดงเราได้มีโอกาสคุยกับเขาตอนที่เปิดแถลงข่าว โน้สบอกไว้ตอนหนึ่งว่า ความสำเร็จของเขาเกิดจาก “พรแสวง” แต่สำหรับเราเห็นว่าถ้าไม่มี “พรสวรรค์” เขาคงทำได้ไม่ถึงขนาดนี้หรอก
ชอบอีกก็คือที่เขาเหน็บแนมสถานทูตอเมริกาประจำประเทศไทย ที่เจ้าหน้าที่แต่ละคนข่มคนที่มาขอวีซ่าจนเข็ดขยาดกันเป็นแถว ทั้งหมดทั้งมวลที่เขาพูดออกมาเป็นเรื่องจริงแต่เขาสามารถเล่นตลกกับความจริงที่เจ็บปวดได้อย่างเนียนๆ โดยเฉพาะเรื่องของการเมือง ที่ถูกอกถูกใจผู้ชมรุ่นใหญ่อย่างเห็นได้ชัด แต่ที่โชว์ถึงกึ๋นของนักพูดคนนี้คือการร้องเพลงฉ่อย ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการแซวพฤติกรรมของผู้หญิง ที่เขาให้คำจำกัดความว่า “เป็นอาร์ตตัวแม่”
โน้สบอกกับเราก่อนหน้าการแสดงว่า คนที่ถูกเขาแซวแล้วรู้สึกเคืองๆก็จะเป็นกลุ่มนักการเมือง พอเล่นเสร็จเขาต้องหนีออกนอกประเทศพอเรื่องซาๆค่อยกลับเข้ามาใหม่ แบบว่าขอให้ได้พูดความรู้สึกในฐานะเป็นประชาชนคนหนึ่ง โน้สบอกว่า ถ้าไม่ได้พูดจะรู้สึกคันหัวใจ และ Stand up comedy ก็เป็นการเปิดโอกาสให้พูดแทนความรู้สึกในขณะนั้น
“ส่วนตัวเป็นคนสนุก ชอบ Entertain คน ชอบยืนอยู่บนเวทีแล้วทำให้คนหัวเราะ มีความสุขมาก ไม่อยากลงจากเวที” โน้ส
บอก
มิน่าล่ะ การแสดงของเขาจึง “Delicious” อย่างที่บอม สินเจริญบอกจริงๆ.
No comments: