หอการค้าเอเชีย 4 ชาติ ลงนามร่วมมือด้านเศรษฐกิจ
สภาหอการค้าไทยแห่งแคลิฟอร์เนียร่วมลงนามกับสี่ชาติเอเชีย ผนึกกำลังสภาหอการค้าเอเชียน-อเมริกัน ตั้งเป้าแลกเปลี่ยน ร่วมมือทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรมและการเมืองระหว่างประเทศ
เมื่อช่วงสายวันที่ 8 มกราคม 2007 ที่โรงแรมโรเท็กซ์ ย่านโคเรียนทาวน์ สภาหอการค้าเอเชียน-อเมริกันแห่งแคลิฟอร์เนียภาคใต้ได้ลงนามข้อตกลงร่วมกันระหว่างสภาหอการค้าจีน ญี่ปุ่น เกาหลีและไทย เพื่อแลกเปลี่ยนและร่วมมือทางเศรษฐกิจทั้งด้านการค้าระหว่างประเทศและการลงทุน
โดยผู้ที่มาลงนามในครั้งนี้ประกอบด้วยนายเชสเตอร์ ชง ประธานสภาหอการค้าจีนแห่งลอสแอนเจลิส นายเท็ด วาเคา ประธานสภาหอการค้าญี่ปุ่นแห่งแคลิฟอร์เนียภาคใต้ นายเชง ลี ประธานสภาหอการค้าเกาหลีแห่งลอสแอนเจลิส และนายสมหมาย ปัทมคันธิน ประธานสภาหอการค้าไทยแห่งแคลิฟอร์เนียภาคใต้
นอกจากความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจแล้ว ทางสภาหอการค้าเอเชียน-อเมริกันจะร่วมมือและสนับสนุนกิจกรรมของแต่ละชุมชน ทั้งทางด้านวัฒนธรรม การเมืองระหว่างประเทศ นอกจากนี้จะช่วยให้คำปรึกษาด้านการค้าให้กับผู้นำทางธุรกิจ รวมทั้งจัดการประชุมและการเดินทางเพื่อไปดูงานด้วย
ข้อตกลงฉบับนี้จะมีอายุหนึ่งปีนับจากวันลงนาม และจะได้รับการต่ออายุโดยอัตโนมัติในแต่ละปี ยกเว้นสมาชิกเห็นควรให้มีการเปลี่ยนแปลงส่วนหนึ่งส่วนใดหรือล้มเลิกทั้งหมด
นายสมหมาย ปัทมคันธิน กล่าวก่อนทำพิธีลงนามว่า สภาหอการค้าไทยฯมีสมาชิกกว่าร้อยคน ซึ่งส่วนใหญ่จะประกอบกิจการร้านอาหารไทย โดยการมาร่วมในครั้งนี้ก็เพื่อต้องการให้คนไทยได้เริ่มทำธุรกิจกับชาวต่างชาติ เช่นเดียวกับตนที่ทำธุรกิจร่วมกับประเทศจีน
ผู้สื่อข่าวถามว่า สมาชิกจะได้รับประโยชน์อะไรจากการเข้าร่วมครั้งนี้ นายสมหมายกล่าวว่าปกติสภาหอการค้าไทยจะมีการจัดสัมมนาตลอด และจะหยิบยกเรื่องของการลงนามในวันนี้มาพูด โดยผู้ประกอบธุรกิจของไทยควรจะร่วมทำธุรกิจกับเอเชียชาติอื่นๆ เริ่มจากการไปตีกอล์ฟ เป็นเพื่อนกัน และทำการค้าร่วมกัน ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี
“ส่วนมากคนไทยจะทำร้านอาหารไทย การมาร่วมกับต่างชาติอาจจะได้ไอเดียใหม่ๆ การมารวมกันดีกว่าอยู่เดี่ยวๆ” ประธานสภาหอการค้าไทยฯกล่าว
ถามว่าเป็นเพราะเหตุใดจึงได้รับเชิญเป็นหนึ่งในสี่ของสภาหอการค้าเอเชียน-อเมริกันในครั้งนี้ นายสมหมายกล่าวคาดการณ์ว่าอาจเป็นเพราะทางหอการค้าเอเชียน-อเมริกันเห็นคำว่า “ไทย” อยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะไปมุมไหนก็จะเจอคำว่า “Thai restaurant” เกือบทุกพลาซ่า และคงคิดได้ว่ามีความสำคัญที่จะให้คนไทยเข้ามาร่วมด้วย
นายสมหมายกล่าวด้วยว่า การค้าเกิดจากการที่เราได้ไปเห็น และทำให้อยากทำ เหมือนตนที่ทำการค้ากับเมืองจีน มีคนถามว่าทำไมไม่ทำกับเมืองไทยชาติเดียว แต่เปรียบเทียบแล้วว่าเราได้ไปเมืองจีน ไปเห็นของมา เรามีโอกาสทำการค้าได้ถูก เราก็ไปซื้อของเขา เราไม่ควรจำกัดว่าควรจะหากินกับเมืองไทยเท่านั้น นี่เป็นความคิดที่ผิด
“ขอเชิญคนไทยที่อยากทำการค้า การได้เข้าไปเป็นสมาชิกของสภาหอการค้าไทยฯจะได้ผลประโยชน์มาก แต่ลงทุนน้อย กับค่าสมาชิกเพียง 35 เหรียญสหรัฐฯต่อปี” นายสมหมายกล่าว
ด้านประธานสภาหอการค้าจีนเปิดเผยว่า การลงนามในวันนี้ถือเป็นความฝันที่นักธุรกิจเอเชียได้มารวมตัวกัน และเฉพาะสมาชิกของสภาหอการจีนมีประมาณ 500 คน และหวังว่าในอนาคตจะมีประเทศเอเชียชาติอื่นๆเข้าร่วมจำนวนมากขึ้น
ในส่วนของนายเท็ด วาเคา ประธานสภาหอการค้าญี่ปุ่นกล่าวว่า โครงการนี้ถือเป็นโครงการที่ดีสำหรับชาวเอเชียน-อเมริกัน นอกจากจะได้ทำงานร่วมกันแล้ว ยังเป็นการสร้างมิตรภาพด้วย ต่อจากนี้จะต้องจัดกิจกรรมอื่นๆตามมา เช่น การประชุมซึ่งจะมีขึ้นประมาณเดือนกุมภาพันธ์นี้ โดยหวังว่าจะเป็นการเปิดประตูสู่เอเชียชาติอื่นๆในอนาคตด้วย
นายเท็ดกล่าวต่อว่า สภาหอการค้าญี่ปุ่นนอกจากจะทำงานทางด้านธุรกิจท้องถิ่นแล้ว ยังมีโปรแกรมส่งนักเรียนแลกเปลี่ยนไปยังประเทศญี่ปุ่นด้วย
นายเชง ลี ประธานหอการค้าเกาหลีกล่าวว่า แต่ละองค์กรสามารถทำงานได้อย่างโดดเดี่ยว แต่การมารวมตัวกันจะทำให้ประเทศในเอเชียมีพลังมากขึ้น
เมื่อช่วงสายวันที่ 8 มกราคม 2007 ที่โรงแรมโรเท็กซ์ ย่านโคเรียนทาวน์ สภาหอการค้าเอเชียน-อเมริกันแห่งแคลิฟอร์เนียภาคใต้ได้ลงนามข้อตกลงร่วมกันระหว่างสภาหอการค้าจีน ญี่ปุ่น เกาหลีและไทย เพื่อแลกเปลี่ยนและร่วมมือทางเศรษฐกิจทั้งด้านการค้าระหว่างประเทศและการลงทุน
โดยผู้ที่มาลงนามในครั้งนี้ประกอบด้วยนายเชสเตอร์ ชง ประธานสภาหอการค้าจีนแห่งลอสแอนเจลิส นายเท็ด วาเคา ประธานสภาหอการค้าญี่ปุ่นแห่งแคลิฟอร์เนียภาคใต้ นายเชง ลี ประธานสภาหอการค้าเกาหลีแห่งลอสแอนเจลิส และนายสมหมาย ปัทมคันธิน ประธานสภาหอการค้าไทยแห่งแคลิฟอร์เนียภาคใต้
นอกจากความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจแล้ว ทางสภาหอการค้าเอเชียน-อเมริกันจะร่วมมือและสนับสนุนกิจกรรมของแต่ละชุมชน ทั้งทางด้านวัฒนธรรม การเมืองระหว่างประเทศ นอกจากนี้จะช่วยให้คำปรึกษาด้านการค้าให้กับผู้นำทางธุรกิจ รวมทั้งจัดการประชุมและการเดินทางเพื่อไปดูงานด้วย
ข้อตกลงฉบับนี้จะมีอายุหนึ่งปีนับจากวันลงนาม และจะได้รับการต่ออายุโดยอัตโนมัติในแต่ละปี ยกเว้นสมาชิกเห็นควรให้มีการเปลี่ยนแปลงส่วนหนึ่งส่วนใดหรือล้มเลิกทั้งหมด
นายสมหมาย ปัทมคันธิน กล่าวก่อนทำพิธีลงนามว่า สภาหอการค้าไทยฯมีสมาชิกกว่าร้อยคน ซึ่งส่วนใหญ่จะประกอบกิจการร้านอาหารไทย โดยการมาร่วมในครั้งนี้ก็เพื่อต้องการให้คนไทยได้เริ่มทำธุรกิจกับชาวต่างชาติ เช่นเดียวกับตนที่ทำธุรกิจร่วมกับประเทศจีน
ผู้สื่อข่าวถามว่า สมาชิกจะได้รับประโยชน์อะไรจากการเข้าร่วมครั้งนี้ นายสมหมายกล่าวว่าปกติสภาหอการค้าไทยจะมีการจัดสัมมนาตลอด และจะหยิบยกเรื่องของการลงนามในวันนี้มาพูด โดยผู้ประกอบธุรกิจของไทยควรจะร่วมทำธุรกิจกับเอเชียชาติอื่นๆ เริ่มจากการไปตีกอล์ฟ เป็นเพื่อนกัน และทำการค้าร่วมกัน ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี
“ส่วนมากคนไทยจะทำร้านอาหารไทย การมาร่วมกับต่างชาติอาจจะได้ไอเดียใหม่ๆ การมารวมกันดีกว่าอยู่เดี่ยวๆ” ประธานสภาหอการค้าไทยฯกล่าว
ถามว่าเป็นเพราะเหตุใดจึงได้รับเชิญเป็นหนึ่งในสี่ของสภาหอการค้าเอเชียน-อเมริกันในครั้งนี้ นายสมหมายกล่าวคาดการณ์ว่าอาจเป็นเพราะทางหอการค้าเอเชียน-อเมริกันเห็นคำว่า “ไทย” อยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะไปมุมไหนก็จะเจอคำว่า “Thai restaurant” เกือบทุกพลาซ่า และคงคิดได้ว่ามีความสำคัญที่จะให้คนไทยเข้ามาร่วมด้วย
นายสมหมายกล่าวด้วยว่า การค้าเกิดจากการที่เราได้ไปเห็น และทำให้อยากทำ เหมือนตนที่ทำการค้ากับเมืองจีน มีคนถามว่าทำไมไม่ทำกับเมืองไทยชาติเดียว แต่เปรียบเทียบแล้วว่าเราได้ไปเมืองจีน ไปเห็นของมา เรามีโอกาสทำการค้าได้ถูก เราก็ไปซื้อของเขา เราไม่ควรจำกัดว่าควรจะหากินกับเมืองไทยเท่านั้น นี่เป็นความคิดที่ผิด
“ขอเชิญคนไทยที่อยากทำการค้า การได้เข้าไปเป็นสมาชิกของสภาหอการค้าไทยฯจะได้ผลประโยชน์มาก แต่ลงทุนน้อย กับค่าสมาชิกเพียง 35 เหรียญสหรัฐฯต่อปี” นายสมหมายกล่าว
ด้านประธานสภาหอการค้าจีนเปิดเผยว่า การลงนามในวันนี้ถือเป็นความฝันที่นักธุรกิจเอเชียได้มารวมตัวกัน และเฉพาะสมาชิกของสภาหอการจีนมีประมาณ 500 คน และหวังว่าในอนาคตจะมีประเทศเอเชียชาติอื่นๆเข้าร่วมจำนวนมากขึ้น
ในส่วนของนายเท็ด วาเคา ประธานสภาหอการค้าญี่ปุ่นกล่าวว่า โครงการนี้ถือเป็นโครงการที่ดีสำหรับชาวเอเชียน-อเมริกัน นอกจากจะได้ทำงานร่วมกันแล้ว ยังเป็นการสร้างมิตรภาพด้วย ต่อจากนี้จะต้องจัดกิจกรรมอื่นๆตามมา เช่น การประชุมซึ่งจะมีขึ้นประมาณเดือนกุมภาพันธ์นี้ โดยหวังว่าจะเป็นการเปิดประตูสู่เอเชียชาติอื่นๆในอนาคตด้วย
นายเท็ดกล่าวต่อว่า สภาหอการค้าญี่ปุ่นนอกจากจะทำงานทางด้านธุรกิจท้องถิ่นแล้ว ยังมีโปรแกรมส่งนักเรียนแลกเปลี่ยนไปยังประเทศญี่ปุ่นด้วย
นายเชง ลี ประธานหอการค้าเกาหลีกล่าวว่า แต่ละองค์กรสามารถทำงานได้อย่างโดดเดี่ยว แต่การมารวมตัวกันจะทำให้ประเทศในเอเชียมีพลังมากขึ้น
No comments: