คอนเสิร์ต “คนหัวใจสิงห์” อินแอลเอ
เป็นครั้งแรกที่คนไทยจากหลายมุมเมืองมารวมตัวกันเพื่อชมคอนเสิร์ตของคนไทยซึ่งได้กลายเป็นอีกหนึ่งหน้าในประวัติศาสตร์ของชุมชนไทย ณ นครลอสแอนเจลิสแห่งนี้ และเป็นครั้งแรกที่พี่น้องร้องเพลง “อัสนี-วสันต์” มาเปิดการแสดงสดให้แฟนเพลงหัวใจสะออนได้เต็มอิ่มกัน อีกทั้งอาจเป็นครั้งแรกของใครหลายๆคนที่ได้พบตัวจริงเสียงจริงของอัสนี-วสันต์ แต่ที่แน่ๆเป็นครั้งแรกที่ฝรั่งมังค่าต้องเอ่ยปากถามผู้จัดว่า Who are you? ถึงได้มาจัดฟรีคอนเสิร์ตที่โนเกียเธียเตอร์ ในดาวน์ทาวน์แอลเอ http://nokiatheatrelalive.com ซึ่งมีค่าใช้จ่ายแพงลิบลิ่ว ตามด้วยคำถามที่ว่าแล้วศิลปินที่ยูเอามาเล่นเนี่ยเป็นใครกันนะ ถึงมีคนสนใจกันมากขนาดนี้
ได้ฟังแล้วก็แอบขำ เพราะนานๆทีคนไทยจะมีบทบาทในสังคมอเมริกันให้ได้อึ้งและทึ่งกันบ้าง ต้องให้เครดิตบริษัทบุญรอดบริวเวอรี่ ที่มาประกาศศักดาให้ประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาได้รับรู้ว่า พี่ไทยเราก็เจ๋งไม่เบา
เวลาสี่โมงเย็นของวันพฤหัสที่ 5 มิถุนายน 2008 เรามุ่งหน้าไปที่โนเกียเธียเตอร์ตามการนัดหมายเพื่อไปชมการซ้อมใหญ่ก่อนที่คอนเสิร์ตจะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมง ทันทีที่เข้าไปในฮอลล์ ประสาทสัมผัสทุกส่วนได้ประสานเป็นหนึ่งเดียวกัน สร้างความรู้สึกที่เป็นสุขในทุกโสต ตาจ้องมองไปที่ศิลปินผู้มากไปด้วยความสามารถอย่างจดจ่อ หูได้ฟังบทเพลงที่แสนจะโดนใจ สั่งให้ปากต้องร้องเพลงตามไปโดยอัตโนมัติ ร่างกายต้องขยับไปตามบทเพลงเป็นจังหวะ ใจก็คิดไปว่า นี่แค่น้ำจิ้มนะ แล้วอาหารจานหลักที่เราจะได้สัมผัสในอีกไม่ช้า จะสนุกสนานเร้าใจแค่ไหนกันหนอ
ก่อนตัดสินใจจะไปชมการซ้อมยังคิดในใจว่า ช่วงเวลารอยต่อจะทำอะไร คงเบื่อแน่ๆ แต่ปรากฏว่าเอาเข้าจริงๆ เวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลังได้ดูการซ้อม คุณหลิน ผู้ประสานงานกับสื่อมวลชนพาเราออกมาฟังเจ้าหน้าที่ของโนเกียบรรยายสรุปถึงกฎเกณฑ์ในการบันทึกภาพทั้งภาพนิ่งและวิดีโอระหว่างการแสดง มีข้อห้ามมากมายเต็มไปหมด แต่ต้องยอมรับว่ากฎก็คือกฎ เมื่อตั้งไว้อย่างไรก็ต้องมีผลบังคับใช้อย่างนั้น นี่เป็นปัจจัยหนึ่งที่นำพาให้คนของเขามีระเบียบวินัยอย่างที่เห็น แม้สิ่งที่ตั้งขึ้นมาจะไม่ถูกใจเราสักเท่าไรก็ตาม
จากนั้นคุณหลินพาทัวร์ทางด้านหลังเวที ซึ่งเดินผ่านห้องพักผ่อน ห้องแต่งตัวของศิลปินและทีมงาน นี่เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่หาไม่ได้ง่ายๆ ชั้นล่างหลังเวทีมีทางเดินยาว ฝาผนังประดับไปด้วยรูปภาพของนักร้องชื่อดังเรียงรายเป็นทิวแถว เมื่อสำรวจทุกซอกทุกมุมเราก็มุ่งหน้าไปยังห้องพักพิเศษพร้อมๆสื่อมวลชนที่มาจากเมืองไทย เพื่อรอพบกับอัสนี-วสันต์อีกครั้ง แต่สักพักมีเจ้าหน้าที่เดินมาบอกว่าพี่ป้อม (อัสนี) รู้สึกไม่ค่อยสบายเลยขอตัว ทุกคนก็แยกย้ายไปรับประทานอาหารและพักผ่อนตามอัธยาศัย
เวลาหนึ่งทุ่ม เราเดินไปด้านหน้าประตูทางเข้าตามคำนัดหมาย ทางด้านนอกเริ่มมีคนเดินทางมาเป็นระยะๆไม่ขาดสาย เข็มนาฬิกาเดินหน้าไปพร้อมๆกับจำนวนคนที่แน่นขึ้นทุกขณะ สองทุ่มตรง ประตูเปิด ผู้คนทยอยเข้ามาทางด้านหน้าด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม บ้างก็เลือกซื้อของที่ระลึก บ้างก็ไปซื้อเบียร์มาดื่มอุ่นเครื่อง ประมาณสองทุ่มครึ่งเราเดินเข้าไปยังคอนเสิร์ตฮอลล์เพื่อหาที่นั่ง อีกไม่ถึงอึดใจ การแสดงดนตรีที่รอคอยมานานก็จะเริ่มขึ้นแล้ว
หลังมิวสิควิดีโอเพลงคนหัวใจสิงห์ เวลาสามทุ่มเศษๆ สมาชิกวงดนตรีเดินมาประจำตำแหน่ง และแล้วก็ถึงคิววสันต์ กีตาร์โต๊ะ เรียกเสียงกรี๊ดจากแฟนเพลง จากนั้นเสียงกรี๊ดก็ดังขึ้นอีกเมื่อพี่ป้อม อัสนีปรากฏตัวบนเวที พร้อมกับเพลงบ้าหอบฟาง อัลบั้มในชุดแรก ตามด้วยเพลงเร็วอย่าง วัวลืมตัว แต่ดูเหมือนแฟนเพลงจะยังเครื่องไม่ติดเท่าไร เลยยังไม่ออกอาการสนุกสุดเหวี่ยง อาจเป็นเพราะถูกจำกัดด้วยที่นั่ง เลยทำให้เขินๆเล็กน้อย แต่พอเล่นไปสักพัก จังหวะที่เพลงบังอรขึ้น แฟนๆต่างคึกคักกันเป็นเท่าตัว หลังจากนั้นก็ระเบิดความมันส์กันอย่างต่อเนื่อง
เสียดายที่อารมณ์ความมันส์ต้องชงักไปสักพัก หลังพี่ป้อมโยนมุกให้คุณวรวุฒิ หรือวู๊ดดี้ ซึ่งเป็นตำรวจของแอลเอเชื้อสายไทยมาเคลียร์การ์ดทางด้านหน้าที่สกัดไม่ให้แฟนเพลงเข้ามาใกล้ชิดกับศิลปิน แต่ก็อย่างที่บอกไปแล้วตอนต้น กฎก็คือกฎค่ะ เขากำหนดมาอย่างไรก็ต้องทำตามนั้น ดีไม่ดีเขาจะหยุดการแสดง จะต้องอารมณ์ค้างกันเปล่าๆ
The show must go on ทั้งเพลงเก่าและเพลงใหม่ๆกระหึ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เวลาสองชั่วโมงครึ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งท้ายให้ซาบซึ้งกันด้วยเพลงลาก่อน คอนเสิร์ตครั้งนี้มีแฟนเพลงตั้งแต่รุ่นเดอะไปจนถึงวัยรุ่นตอนต้น ไม่นับเด็กๆที่มากับพ่อแม่ด้วยหลากหลายเหตุผล จากประสบการณ์ทำข่าวในชุมชนไทยมาพอสมควรก็เพิ่งเจอวันนี้แหละ ที่เห็นคนหน้าใหม่ๆจำนวนมหาศาล เมื่อเทียบกับงานต่างๆที่ผ่านมา ซึ่งมีแต่คนที่คุ้นหน้าคุ้นตากันทั้งนั้น
ช่วงสายของวันอังคารที่ 10 มิถุนายน ต่อสายโทรศัพท์คุยกับชาลี ชัยจารี ฝ่ายต่างประเทศสิงห์ นอร์ธอเมริกา ซึ่งได้สรุปตัวเลขว่า มีคนมาดูอัสนี-วสันต์ที่แอลเอราวๆ เอ 6,900 คนไม่รวมสตาฟ ส่วนที่นิวยอร์คมีคนมาดูประมาณ 3,700 คน แต่ก็ดูแน่นขนัดเพราะที่นั่นไม่มีที่นั่ง ทุกคนยืนเต้นกันได้อย่างเมามัน
ชาลีบอกอีกว่า หลังการแสดงคอนเสิร์ตมีคนโทรศัพท์มาหาจนสายแทบไหม้ โดยแสดงความขอบคุณที่ทางบริษัทบุญรอดฯได้นำอัสนี-วสันต์มาเล่นคอนเสิร์ตเป็นครั้งแรก โดยมีแฟนเพลงจากทั่วทุกสารทิศเดินทางมารวมตัวกันเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของคอนเสิร์ตประวัติศาสตร์ครั้งนี้
ทางด้านผู้บริหารของบุญรอดฯอย่างคุณจุตินันท์ ภิรมย์ภักดีบอกว่า ดีใจและภูมิใจที่คนไทยในสหรัฐฯได้มารวมตัวกัน ส่วนอัสนี-วสันต์ก็บอกถึงความรู้สึกว่าภูมิใจมากที่ได้มาเปิดการแสดงให้คนไทยได้ชมกันอย่างสดๆ
งานแถลงข่าวที่ Hard Rock Cafe, Universal CityWalk |
No comments: