First Town Hall held in Thaitown
เปิดประชุมทาวน์ฮอลล์ครั้งแรกของชุมชนไทย เชิญเจ้าหน้าที่รัฐมาให้ข้อมูล ชี้ปัญหาที่จอดรถในไทยทาวน์หนักสุด นายกสมาคมไทยฯเผยอยู่ระหว่างรอสรุปผลการประชุมเพื่อมาพิจารณา เตรียมร่างจดหมายล่ารายชื่อส่งไปยังที่ว่าการรัฐต่อไป
เมื่อช่วงเย็นวันที่ 25 มกราคม 2007 ที่ไทยแลนด์พลาซ่า ฮอลลีวูด ศูนย์เอเชี่ยน-อเมริกันเพื่อการพึ่งพาตนเองหรือที่รู้จักกันในนามของ CAUSE ร่วมกับสมาคมไทยแห่งแคลิฟอร์เนียภาคใต้จัดการประชุมร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับประชาชนชาวไทย โดยได้เชิญเอริค การ์เซตตี้ ประธานสมาชิกสภาเขตของฮอลลีวูด รวมทั้งวุฒิสมาชิกมาร์ค รีดลี่ย์ โทมัสมาให้ข้อมูลและตอบข้อซักถามของชุมชนไทยด้วย
เบน วอง เลขานุการบอร์ดของ CAUSEกล่าวต้อนรับและเปิดการประชุม โดยได้กล่าวแนะนำนายกอพัฒน์ เจริญบรรพชน นายกเทศมนตรีเมืองลาพัลมาซึ่งได้มาร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วย จากนั้นได้กล่าวเชิญเอริค การ์เซตตี้ ซึ่งถือว่าเป็นบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวกับกับชุมชนไทยอย่างมากโดยเฉพาะในเขตไทยทาวน์ซึ่งเขามีส่วนรับผิดชอบโดยตรง
เอเริคเริ่มต้นด้วยการกล่าวแสดงความยินดีที่ได้มาพบปะกับชุมชนไทย รวมทั้งได้มีโอกาสพบกับกอพัฒน์ซึ่งได้ก้าวเข้ามาเป็นตัวแทนของรัฐบาล โดยบอกว่าการได้คนจากชาติต่างๆเข้ามาทำงานให้กับรัฐนั้นถือเป็นการสะท้อนภาพที่ดีในระบอบประชาธิปไตย
เอริคกล่าวด้วยว่าเขาได้มีโอกาสเข้ามาดูแลเมืองที่มีความหลากหลาย และเป็นที่ตั้งของชุมชนไทยที่ใหญ่ที่สุดนอกประเทศ ดังนั้นการให้ความเท่าเทียมกันจึงมีความสำคัญ
“ไทยทาวน์ได้ก่อตั้งขึ้นด้วยวิสัยทัศน์ของชุมชนไทยที่ต้องการมีไทยทาวน์เป็นแห่งแรกของสหรัฐอเมริกา โดยใช้เวลาประมาณ 7 ปี และเมื่อเดือนมิถุนายนปี 2007 ได้มีพิธีเปิดอัปสรสีห์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของไทยทาวน์ เป็นแหล่งดึงดูดทางวัฒนธรรมและธุรกิจ” เอริดกล่าว
ประธานสมาชิกสภาเขตฮอลลีวูดกล่าวต่อว่า การได้มาพบปะพูดคุยกันถือเป็นเรื่องดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการได้เชิญวุฒิสมาชิกมาร่วมรับฟังเนื่องจากเป็นผู้ที่มีบทบาทในการผลักดันกฎหมาย การเปลี่ยนแปลงต่างๆจะไม่เกิดขึ้นจากฝ่ายบริหารแต่จะเกิดจากประชาชนเป็นผู้เรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
“หากใครต้องการความช่วยเหลือ สามารถโทรศัพท์ไปที่หมายเลข 311 โดยท่านสามารถขอพูดกับเจ้าหน้าที่ที่สามารถพูดไทยได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้ง 7 วันตลอดสัปดาห์” เอริคกล่าว
ถามถึงปัญหาเรื่องที่จอดรถ เอริคกล่าวว่าไทยทาวน์ประสบความสำเร็จและมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยหนทางการแก้ปัญหานี้ได้มีการมองหาสถานที่เพื่อทำที่จอดรถแต่ต้องใช้งบประมาณจำนวนมหาศาล ทางเลือกที่สองคือการประสานกับรถไฟใต้ดินของเมโทรเพื่อเชิญชวนให้ทุกคนใช้บริการขนส่งมวลชนมายังไทยทาวน์
ส่วนที่จะขยับเวลาและค่าจอดรถริมถนนให้มีเวลานานมากขึ้น เอริคเปิดเผยถึงการสำรวจซึ่งพบว่าธุรกิจมักจะไม่ชอบให้จอดรถริมถนนทั้งวันเนื่องจากต้องการให้มีคนเข้า-ออกได้เป็นจำนวนมาก แต่เงินที่ได้จากค่าจอดรถแบบหยอดมิเตอร์จะถูกเก็บสะสมไว้เพื่อสร้างที่จอดรถในอนาคต
ทางด้านวุฒิสมาชิกมาร์ค รีดลี่ย์ โทมัสกล่าวถึงงบประมาณในปี 2008-09 หลังจากผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียได้เปิดเผยออกมา โดยงบประมาณจำนวน 101พันล้านเหรียญฯนั้นกำลังเผชิญการขาดงบดุลถึง 14.5 พันล้านเหรียญฯ ซึ่งในปีนี้งบประมาณที่จำเป็นหลายส่วนได้ถูดตัดออกไปเป็นต้นว่า การศึกษา บริการสังคม สุขภาพ การคมนาคม
วุฒิสมาชิกรีดลี่ย์ โทมัสกล่าวว่า การตัดงบดังกล่าวไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาในระยะยาว และยังมีผลกระทบต่อประชาชนชาวแคลิฟอร์เนีย การลดงบประมาณโดยไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาการปิดช่องว่างในเรื่องภาษีที่เอื้อประโยชน์ให้คนรวย ถือเป็นเรื่องที่ใช้ไม่ได้
“การตัดงบการศึกษาจะทำให้เด็กๆที่เรียนอยู่ในโรงเรียนของรัฐบาลไม่ได้รับแหล่งทรัพยากรขั้นพื้นฐานที่จะทำให้เป็นบุคคลที่มีศักยภาพอย่างเต็มตัว อีกทั้งจะทำให้โรงเรียนในรัฐแคลิฟอร์เนียตกจากการจัดอันดับซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ลำดับ 43 ของประเทศ” วุฒิสมาชิกเขต 26 กล่าว
พร้อมกันนี้วุฒิสมาชิกรีดลี่ย์ โทมัสได้กล่าวถึงโปรแกรมการให้ทุนเพื่อจัดตั้งหน่วยสุขภาพในโรงเรียน ซึ่งอยู่ในร่างกฎหมาย SB 564 เพื่อส่งเสริมในเรื่องสุขภาพของเด็กนักเรียนของรัฐ เช่น ให้การรักษาเบื้องต้น การฉีดวัคซีนป้องกันโรค การช่วยเหลือด้านสุขภาพจิต หรือแม้แต่การให้ความช่วยเหลือครอบครัวของเด็กในการสมัครโปรแกรมประกันสุขภาพ
ส่วนเรื่องของการศึกษา วุฒิสมาชิกรีดลี่ย์ โทมัสกล่าวแสดงความเห็นว่า วิทยาลัยชุมชนหรือคอมมิวนิตี้คอลเลจถือว่ามีความสำคัญและเป็นประตูเพื่อเปิดสู่โอกาสในการหางานให้กับนักศึกษาที่มีเชื้อชาติหลากหลาย จึงต้องให้การสนับสนุน
จากนั้นที่ประชุมให้เสนอปัญหาของเมืองฮอลลีวูด ซึ่งปัญหาใหญ่ๆที่พบได้แก่ ขยะ ที่จอดรถไม่เพียงพอ และค่าเล่าเรียนที่แพงขึ้น
เทเรซ่า ไทยภิรมย์สามัคคี นายกสมาคมไทยแห่งแคลิฟอร์เนียภาคใต้กล่าวว่าปัญหาที่จอดรถ การประกันสุขภาพ และค่าเล่าเรียนที่แพงขึ้นถือว่าเป็นเรื่องที่ต้องแก้ไข หลังจากการประชุมทาง CAUSEจะส่งรายงานกลับมาว่าชุมชนไทยต้องการความช่วยเหลือด้านใดบ้าง จากนั้นทางสมาคมไทยฯจะนำมาพิจารณา สำหรับการประชุมครั้งต่อไป และจะร่างจดหมายเพื่อให้คนไทยลงชื่อแล้วส่งไปยังศาลาว่าการรัฐในแซคราเมนโตเพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาต่อไป
“กำลังคุยกับCAUSEถึงความเป็นไปได้ในการจัดประชุมในลักษณะนี้ในปีหน้า เท่าที่ดูก็เห็นคนไทยให้ความสนใจมาก เราอยากให้เขาเห็นว่าชุมชนไทยมีความสำคัญ และคนไทยอยากให้จัดต่อไป” เทเรซ่ากล่าวในที่สุด
No comments: