เรียนรู้ว่าพอเพียงเพื่อเพียงพอ ที่สวนลุงเขียน

5:11 AM


จากโรงแรมฮิลตัน หัวหิน คณะของเราได้เดินทางไปยังศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทรายอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่อ.ชะอำ .เพชรบุรี โดยอย่างแรกที่ต้องทำคือการรับฟังบรรยายสรุป และเมื่อได้รับทราบภาพรวมของโครงการในภาคทฤษฎีแล้ว ทีนี้ก็เข้าสู่ขั้นตอนในการลงพื้นที่จริงเพื่อไปสัมผัสด้วยตาของตัวเอง

รถบัสได้นำเราออกจากศูนย์ฯ วิ่งไปไม่นานก็จอดรถเอาดื้อๆ เมื่อมองออกไปนอกรถเห็นทางเดินแคบๆเป็นถนนลูกรังก็รู้ว่างานนี้ต้องเดินเท้าต่อแน่นอน เราเดินฝ่าแดดเปรี้ยงๆในหน้าร้อนเพื่อเข้าไปดูงานที่บ้านและสวนของจ่าเอกเขียน สร้อยสม เกษตรกรตัวอย่างที่ได้รับพระราชทานโล่รางวัลเกษตรกรดีเด่นด้านเศรษฐกิจพอเพียง ระดับประเทศ ประจำปี 2549 จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี นอกจากนี้ จ่าเอกเขียนซึ่งถูกเรียกโดยทั่วไปว่าลุงเขียนได้รับการคัดเลือกให้เป็นวิทยากรและหมอดินอาสา นี่คือเหตุผลที่เราพากันมาที่นี่เพื่อรับฟังเรื่องราวในการดำเนินชีวิตตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง จนทำให้ลุงเขียนมีรายได้จุนเจือครอบครัวได้อย่างสบายๆ


ลุงเขียนได้เล่าประวัติชีวิตให้ฟังว่ากว่าจะมาถึงวันนี้ได้ เส้นทางชีวิตไม่ได้โรยไว้ด้วยกลีบกุหลาบเพราะผ่านอุปสรรคมาอย่างโชกโชน ด้วยการใช้ชีวิตที่ประมาท แต่พอได้ปฏิบัติธรรม ใช้ธรรมะทุกขณะที่ดำเนินชีวิตก็ทำให้พบทางสว่าง ลุงเขียนบอกว่าได้ยึดหลักอิทธิบาทสี่ อันประกอบด้วย ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา ก็นำความสำเร็จมาสู่การประกอบอาชีพ โดยเนื้อที่การทำไร่ทำสวนของลุงมีทั้งหมด 20 ไร่ ที่สามารถได้ผลผลิตจากการปลูกข้าวจำนวน 20 ถังในสมัยก่อน ลุงเขียนได้แนะนำให้จัดสรรพื้นที่ไว้ 4 ข้อ อย่างแรกให้ใช้พื้นที่ 30% ในการขุดสระน้ำเพื่อเก็บกักน้ำ ข้อที่สองให้ใช้พื้นที่ 30% เช่นกันเพื่อทำนาข้าวเอาไว้บริโภคในครัวเรือน หากมีเหลือก็ค่อยเอาไปขาย เนื้อที่อีก 30% ให้ปลูกไม้ผลเพื่อสร้างทรัพย์สินไว้เป็นบำนาญให้กับชีวิต ส่วนอีก 10% ให้เอาไว้ปลูกเป็นที่อยู่อาศัย ปลูกพืชสมุนไพรและเลี้ยงสัตว์ ลุงเขียนเน้นว่าชอบอะไรเราปลูก หรือชอบอะไรก็เลี้ยงเอาไว้แต่ต้องไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน


ขอบอกว่าที่สวนของลุงเขียนนั้นไม่ธรรมดา นอกจากคนไทยแล้วยังมีชาวต่างชาติให้ความสนใจเดินทางมาดูงานจำนวนมากเลยทีเดียว โดยเฉพาะมาเรียนรู้การปลูกหญ้าแฝกและการใช้ประโยชน์จากแฝก ที่ลุงปลูกเอาไว้ตามขอบสระ ร่องสวนเพื่อป้องกันการพังทลายของดิน ดูดซับสารพิษปนเปื้อนลงน้ำ และป้องกันขยะมูลฝอยที่จะตกลงไปในน้ำ และไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า ลุงเขียนขายแฝกได้ปีละสามแสนบาทเมื่อปี 2547 สามารถส่งหลานเรียนได้ 3 คน

ที่บ้านของลุงเขียนร่มรื่นไปด้วยไม้ดอกไม้ผลนานาพันธุ์ แกสร้างศาลาไม้เอาไว้รับรองผู้ที่มาดูงานอยู่กลางสระน้ำ ทำให้พวกเราคลายร้อนไปได้มาก อีกทั้งยังได้เตรียมเครื่องดื่มเย็นๆและขนมหวาน ของดังเมืองเพชรเอาไว้รับรอง หลังจากที่เราซักถามลุงเขียนเป็นชุดๆเรียบร้อยแล้ว ลุงเขียนก็พาเดินชมสวนชมไร่ เพื่อให้เห็นภาพว่าอะไรเป็นอะไร การทำเรือกสวนไร่นาเป็นเรื่องที่แสนจะธรรมดาของคนส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ต่างจังหวัด แต่สำหรับคนในเมืองแล้วเมื่อได้มาเห็นก็รู้สึกแปลกตาและได้พบเจออะไรที่แปลกใหม่ อย่างเตาเผาถ่านน้ำส้มควันไม้ ที่ขอยอมรับว่าเกิดมาไม่เคยเห็นและไม่เคยรู้มาก่อนเลย แถมประโยชน์ของมันยังมีมากมายเพราะนอกจากจะผลิตถ่านไม้แล้ว น้ำส้มควันไม้มีคุณสมบัตินานัปการ ที่สำคัญเมื่อนำมาผสมน้ำสามารถใช้เป็นยาปราบศัตรูพืชแบบไร้สารพิษจึงเป็นมิตรในการเกษตรอย่างแท้จริง ทั้งฆ่าเชื้อราตามใบและในหน้าดิน นอกจากนี้ยังใช้แทนสารเคมีอื่นๆ ใช้เป็นยารักษาแผลสด แผลถูกไฟและน้ำร้อนลวกได้อีกด้วย
ลุงเขียนย้ำเสมอว่าหลักการใช้ชีวิตแบบพอเพียงคือการเก็บผลผลิตไว้บริโภคในครัวเรือน ที่เหลือเอาไปขาย อยู่แบบพออยู่พอกิน และส่วนตัวใช้หลักธรรมะ ทุกเช้าจะต้องนั่งวิปัสสนาให้จิตใจสงบ ระงับกิเลส ส่วนความภาคภูมิใจที่สุดในชีวิตไม่ใช่เม็ดเงินที่มาจากผลผลิตทางการเกษตรแต่อย่างใด
​“ที่สุดในชีวิตคือการถ่ายทอดความรู้ให้กับคนยากจน รางวัลที่ได้ไม่ใช่สิ่งสูงสุด แต่ที่สูงสุดคือการที่สมเด็จพระเทพฯเสด็จมาที่นี่ มีคนมาดูงาน เมื่อคนเราตั้งใจทำความดี ความดีจะคืนกลับมา และการให้จากในหลวงที่ทรงให้มากที่สุดคือให้ใจ การรู้จักตัวตนเป็นหลักการดำเนินชีวิตสู่เศรษฐกิจพอเพียง ให้พึงระลึกอยู่เสมอว่าสังขารคืออะไรข้อความประทับใจที่ได้จากลุงเขียน
และเราก็ได้เรียนรู้ว่าพอเพียงเพื่อเพียงพอก็จากที่สวนของลุงเขียนนี่ล่ะค่ะ

No comments:

Powered by Blogger.