บริษัทหนังไทยในงานตลาดหนังอเมริกัน
โรงแรม Loews Santa Monica Beach ถูกปรับพื้นที่และแปลงโฉมห้องพักให้เป็นสถานที่ออกบู้ธของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่มาจากทั่วโลก
เพื่อรองรับงาน American Film Market (AFM) สมกับเป็นเจ้าถิ่นและสมศักดิ์ศรีความเป็นผู้นำวงการมายาจอเงินแห่งฮอลลีวูด
บรรยากาศงาน
American
Film Market (AFM) ที่โรงแรม Loews Santa Monica Beach
|
บอกไว้สำหรับผู้ที่สนใจว่า
การไปร่วมงานนี้ต้องลงทะเบียนไว้ล่วงหน้า รวมทั้งสื่อมวลชนทุกแขนง
เพราะจะมีระบบรักษาความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด
บัตรทุกใบจะต้องมีรูปถ่ายของผู้เข้างานเพื่อป้องกันการวนบัตรให้คนอื่นนำไปใช้
และถ้าไม่มีบัตรเจ้าหน้าที่ที่ดูแลในทุกๆชั้นจะไม่ยอมให้เดินเข้าไปเป็นอันขาด
อย่างที่บอกไว้ตอนต้นแล้ว ห้องพักในทุกชั้นจะถูกปรับให้เป็นบู้ธของบริษัทต่างๆ
ทั้งนี้จะมีบริษัทซื้อ-ขายหนังจากทั่วโลกมาเจรจากัน รวมทั้งบริษัทที่มาจากเมืองไทย
เราไปเยี่ยมชมสองแห่งด้วยกันคือที่สหมงคลฟิล์มและ GTH (GMM Tai
Hub) ซึ่งอันหลังเป็นบริษัททำหนังในเครือแกรมมี่ที่คุ้นหูกันเป็นอย่างดี
ความที่ผู้บริหารของสหมงคลฟิล์มมีตารางนัดที่แน่นเอี๊ยด
เราเลยไม่ได้ขอคุยด้วยเป็นกิจจะลักษณะ หลังจากนั้นได้เดินไปดูที่ GTH มีสองสาวสีหน้าสดใสกล่าวทักทายต้อนรับอย่างเป็นกันเอง
ทันที่ที่พวกเธอได้ยินคำว่า “สวัสดี”
ก็ทำหน้าตาดีใจเข้าไปอีก บทสนทนาระหว่างเราก็เริ่มขึ้นทันที
ไพลิน อำนวยพร Sr .Sales & Marketing Manager GTH |
สองสาวบอกเราว่าคุยกับใครก็ได้
ข้อมูลเหมือนกัน เราเลยคุยกับคุณหนิง ไพลิน อำนวยพร
เป็นเซลล์อาวุโสและผู้จัดการฝ่ายการตลาด เธอบอกว่า GTH มาร่วมงานเป็นครั้งที่
4 แล้ว โดยมีภาพยนตร์ที่ถือว่าเป็นไฮไลท์มีชื่อไทยว่า
โปรแกรมหน้า วิญญาณอาฆาต (Coming Soon) พร้อมกับหนังแนว Horror
เรื่องอื่นๆ เช่น สี่แพร่ง (4BIA) ศพ 19
(Body) แฝด (Alone) ทุกเรื่องล้วนแต่เป็นแนวสยองขวัญที่ครองแชมป์ความนิยมในตลาดต่างประเทศ
คุณหนิงบอกด้วยว่าบริษัทที่สนใจซื้อหนังของGTHมีมาจากทั่วโลก
ล่าสุดประเทศแปลกๆคือเชครีพับลิก มาซื้อเรื่องแฝดกับโปรแกรมหน้า วิญญาณอาฆาต
ส่วนตลาดที่เป็นขาประจำหนังไทยยังคงอยู่ในโซนเอเชีย โดยเฉพาะภาพยนตร์ในเครือ GTH ที่แน่ๆจะได้ไปฉายคือที่สิงค์โปร์ มาเลเซีย ฮ่องกง ไต้หวัน
ถามถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่มาร่วมงานจนมาถึงครั้งนี้
คุณหนิงสังเกตว่าคนเริ่มรู้จักหนังไทยมากขึ้น จากเมื่อก่อนแทบจะไม่รู้จักคนไทยเลยด้วยซ้ำ
บางคนเข้ามาถามว่าเป็นคนเกาหลีหรือเปล่า แต่หลังๆจะรู้จักหนังไทย ตามมาด้วยรู้จัก Branding ของ GTH ถ้าคนเหล่านี้เคยดูหนังไทยมาก่อน
อย่างน้อยก็จะอยากติดตามผลงาน มาขอดูว่ามีหนังเรื่องไหนมาบ้าง
ถึงแม้ว่าลิขสิทธิ์หนังเรื่องนั้นๆจะขายไปแล้วหรือไม่ได้ขายไปกับเขาก็ตาม
ไพลิน อำนวยพร Sr .Sales & Marketing Manager GTH |
“นอกเหนือจากหนังแนว Horror แล้ว GTH ก็มีทำหนังแนวอื่น
ที่อาจจะไม่ได้ถูกกับตลาดของผู้ซื้อ แต่ลูกค้าก็อยากเข้ามาดูว่าเราทำอะไรบ้าง” เธอกล่าวย้ำ
ไม่ได้เป็นนักวิเคราะห์หนังแต่พอจะเดาเบสิกง่ายๆได้ว่าหนังผีหรือหนังแนวสะเทือนขวัญจะดูง่ายกว่าเพราะสามารถทำเข้าใจได้จากการสื่อด้วยภาพ
และสาวหนิงก็เพิ่มเติมว่าหนังสไตล์ Horror หรือ Action ถูกเรียกว่าเป็น High Concept
มีภาษาภาพที่เป็นสากลโดยที่ไม่จำเป็นต้องเข้าใจภาษาพูด
ถามถึงโอกาสความก้าวหน้าหนังไทยในอนาคต
สาวจากGTH
บอกว่า ท้ายสุดแล้วต้องขึ้นอยู่กับไอเดียของหนัง
อย่างที่สองน่าจะเป็นเรื่องของ Production Value คือถ้าหนังไทยยังทำหนังแนวนี้มาขาย
คนที่ชอบก็ยังคงตามดู แต่ถ้าทำออกมาแล้วคุณภาพแย่ลงเรื่อยๆ คนก็จะรู้สึกเบื่อ
ในฐานะที่เป็นผู้สร้างจึงควรที่จะมีอะไรใหม่ๆมาให้กลุ่มเป้าหมายที่ชอบดูหนังด้านนี้
“ตลาดหนังไทยจะวนกลับมาที่เดิม
หนังแนวไหนที่เคยประสบความสำเร็จมากๆคนจะทำเยอะ ดังนั้นความนิยมจะลดลงมา
ประกอบกับเศรษฐกิจขาลงและปัญหาทางการเมืองจึงทำให้รายได้หนังไทยลดลงเพราะคนใช้จ่ายน้อยลง
นับตั้งแต่ต้นปียังไม่มีหนังไทยเรื่องไหนทำรายได้ถึงร้อยล้าน
แต่คนยังคาดหวังที่จะเห็นหนังไทยไปถึงจุดนั้นอยู่ พอมีหนังเรื่องหลวงพี่เท่ง 2
เข้ามาคนก็เลยคาดว่าน่าจะไปถึง
ท้ายสุดแล้วหนังไทยที่ทำรายได้เยอะที่สุดของปีนี้คือเรื่องสี่แพร่ง
และปิดเทอมใหญ่หัวใจว้าวุ่น ตามมาด้วยหลวงพี่เท่ง 2”
คุณหนิงกล่าวตบท้าย
จากวิกฤตเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯปีนี้มีผลกระทบต่อการจัดงานในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน
สอบถามจากผู้มาร่วมงานต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ปีนี้คนน้อยลง
แม้แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยังถูกลดจำนวน
ยังไงก็ประคับประคองชีวิตทุกๆท่านให้ทรงตัวอยู่ได้
เราน่าจะผ่านปัญหานี้ไปด้วยกันในอีกไม่ช้า
No comments: